บทความนี้มุ่งศึกษา พัฒนาการดำรงชีวิตของชุมชนและครัวเรือนเกษตรกร ตลอดถึงเงื่อนไขที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตและยุทธศาสตร์การดำรงชีวิตของครัวเรือนเกษตรกรในชุมชน บริเวณเขื่อนอุบลรัตน์ ว่าเป็นอย่างไร โดยการวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้มุมมองของแนวคิดการดำรงชีพ แนวคิดทุนทางสังคม และแนวคิดการปรับตัว เพื่อศึกษายุทธศาสตร์การดำรงชีวิตของครัวเรือนเกษตรกรในชุมชนบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์ ในหมู่บ้านโคกกลาง ตำบลโนนสัง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ผลการวิจัยพบว่า พัฒนาการดำรงชีวิตของชุมชนและครัวเรือนเกษตรกรทั้ง 3 ช่วง คือ ช่วงระยะเวลาก่อนการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ ช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงสู่การสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ และช่วงระยะเวลาหลังการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ถึงปัจจุบัน พัฒนาการดำรงชีวิตของชุมชนและครัวเรือนเกษตรกรมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายให้สามารถดำรงชีพได้ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลง โดยมีการปรับตัว ปรับเทคนิควิธีในการสร้างยุทธศาสตร์การดำรงชีพใน รูปแบบต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังพบว่าเงื่อนไขที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีพของชุมชนและ ครัวเรือนเกษตรในชุมชนบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์นั้นมี 8 ประการคือ นโยบายรัฐ กระแสทุนนิยม ฤดูกาล/ภัยธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บ การเปลี่ยนแปลง การอพยพ การถือครองที่ดิน และความผันผวนของราคาผลผลิต เป็นเงื่อนไข สำคัญที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีพที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยที่ชาวบ้านไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้รูปแบบการดำรงชีวิตของชาวบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายใต้ภาวะแนวโน้ม และบริบทความเปราะบางดังกล่าว และพบว่า การสร้างยุทธศาสตร์การดำรงชีพของครัวเรือนเกษตรกรในชุมชนบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์ อาศัยความรู้ความสามารถในการจัดการ ทรัพย์สิน/ทุนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในชุมชน เช่น ทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม เป็นต้น นำมาใช้เป็นยุทธวิธี ในการทำกิจกรรมและยุทธวิธีในการปรับตัวเพื่อการอยู่รอดโดยการสร้างงาน อาชีพ กิจกรรม หรือ สร้างรูปแบบวิธีการต่าง ๆ อันหลากหลายโดยอาศัยทรัพย์สิน/ทุนที่มีอยู่นั้น มาสนับสนุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งยุทธศาสตร์การดำรงชีพของครัวเรือนเกษตรกร/ชุมชนนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ในการดำรงชีพต่าง ๆ ตามมา คือ การมีรายได้เพิ่มขึ้น การมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การลดความอ่อนแอลง การเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร และการเกิดความยั่งยืนในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อันก่อให้เกิดความอยู่รอดและความยั่งยืนของชุมชน